วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์

เก็บรักษาที่อุณหภูมิห้อง วางที่หัวเตียง หรือโต๊ะเครื่องแป้งได้  แต่ไม่ควรวางทิ้งไว้ในรถที่จอดตากแดด หรือที่อุณหภูมิสูง  ไม่จำเป็นต้องเก็บในตู้เย็น

  • ใช้ได้ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง คุณแม่หลังคลอด คุณแม่ให้นมบุตร สามารถใช้ได้ หรือแม้กระทั่งในเด็กก็สามารถใช้ได้
  • ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงเยอะ ทีมผมที่พื้นเยอะกว่าผมบนหัว
  • ปัญหาผมเริ่มบาง หน้าผากกว้าง เป็นหมื่น เป็นแสน หรือเป็นล้าน ก็ใช้ได้
  • หัวล้านกลางศีรษะไม่เหลือเส้นผมก็ใช้ได้
  • ปัญหาผมร่วงหลังฉีดวัคซีน
  • ปัญหาผมร่วงจากการติดโควิด

ปริมาณการฉีด 1 ครั้ง ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1 กำมือ  ฉีดวันละ 2 ครั้ง  เช้า และก่อนนอน จะใช้ได้ประมาณ 2-3 เดือน  

ถ้าฉีดมากกว่า 1 ครั้ง หรือ 1 บริเวณ ระยะเวลาที่จะใช้ได้ต่อ 1 ขวด ก็จะลดลงตามลำดับ

ผลิตภัณฑ์มีอายุ 3 ปีนับจากวันที่ผลิต

ใช้แล้วผมไม่มัน โดยแนะนำให้ฉีดลงบริเวณหนังศีรษะ แล้วใช้มือนวดลงบนหนังศีรษะเบาๆ ให้น้ำยาซึมลงสู่รากผมค่ะ

Hair Rise Hair Tonic ใช้ได้ทั้งขณะผมเปียก (หลังสระผม) และผมแห้ง (ไม่ได้สระผม) โดยแนะนำให้สเปรย์ผลิตภัณฑ์ลงบนหนังศีรษะให้ได้มากที่สุด และใช้ปลายนิ้วมือ บริเวณท้องของนิ้วมือนวดเบาๆ ให้น้ำยาซึมลงไป

ตัว Hair Rise Hair Tonic เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วไม่ต้องล้างออก เพื่อให้ออกฤทธิ์ที่หนังศีรษะ และรากผมได้นานๆ การสระผมออก บางครั้ง น้ำยา Hair Rise Hair Tonic ยังไม่ทันซึมลงไปยังรากผม แต่ถูกชะออกไปจากการสระผม ทำให้สิ้นเปลืองผลิตภัณฑ์ ดังนั้น แนะนำว่า หากมีการวางแผนว่าวันนี้จะสระผม ควรใช้ผลิตภัณฑ์หลังสระผมดีกว่า หรือพยายามให้น้ำยา Hair Rise Hair Tonic คงอยู่บนหนังศีรษะก่อนการล้างออกประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำยามีเวลาในการซึมลงไปออกฤทธิ์ที่รากผม

  • การใช้แชมพูปิดผมขาว หรือการย้อมสีผม ที่ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์มีส่วนประกอบของสารเคมีต่อไปนี้

    1. สารเคมีกลุ่มสี (p-Phenylenediamine, m-aminophenol, สารที่ลงท้ายด้วย …..diamine)
    2. สารเคมีที่ช่วยทำให้เกิดปฏิกิริยาของสี เช่น สาร resorcinol
    3. สารเคมีที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาการเกิดสี รวมถึงช่วยฟอกสีผม เช่น Hydrogen peroxide
    4. สารที่ฤทธิ์เป็นด่างที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาการเกิดสี เช่น ammonia, ethanolamine, monoethanolamine

    สารเคมีดังกล่าวจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะ รวมถึงเซลล์รากผม ดังนั้น หากท่านมีปัญหาเรื่องผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านอยู่ ควรจะหลีกเลี่ยงการย้อมสีผม ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมสีที่มีสารเคมีดังกล่าวอยู่ โดยอาจจะเพิ่มระยะห้าง หรือความถี่ในการย้อมสีผม จากเดิม ย้อมทุก 15 วัน ให้เปลี่ยนเป็นย้อมทุก 30 วันแทน  หรือถ้าต้องย้อมทุกเดือน อาจจะเปลี่ยนเป็นย้อมทุก 45 วัน หรือ 2 เดือนแทน  เพื่อให้รากผมและหนังศีรษะได้มีเวลาพัก เพื่อฟื้นฟูสภาพของเซลล์ต่างๆ ให้เซลล์แข็งแรงขึ้น

    หรืออาจเปลี่ยนเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติในการย้อมสีผม เช่น ผงเฮนน่า อัญชัน เป็นต้น

Hair Rise Complex ที่เป็นสารออกฤทธิ์สำคัญของ Hair Rise Hair Tonic ได้มีการวิจัยมาแล้วว่า สามารถออกฤทธิ์หยุดผมร่วงได้ในกลไกเดียวกับ ยา finasteride (ที่เป็นยารับประทาน และออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย ทำให้มีผลข้างเคียงทั่วร่างกาย รวมถึงเรื่องสมรรถภาพทางเพศที่ลดลง) โดย Hair Rise Hair Tonic ได้มีการวิจัยให้ขนาดอนุภาคอยู่เฉพาะที่รากผมเท่านั้น ไม่ไปทั่วร่างกาย ดังนั้น Hair Rise Hair Tonic จึงไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยา finasteride

โดย ยา finasteride และ Hair Rise Complex ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 5 alpha reductase ที่เกี่ยวกับการสร้างฮอร์โมนเพศชาย dihydrotestosterone ที่เป็นฮอร์โมน เพศชายที่มีฤทธิ์แรงทำให้เส้นผมที่มีขนาดใหญ่ ลีบเล็กและหลุดร่วงไปในที่สุด

สำหรับอีกกลไก หนึ่ง จะเป็นกลไกที่ยา minoxidil และ Hair Rise Complex ออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นให้ มีเส้นเลือดมาเลี้ยงบริเวณรากผมมากขึ้น รวมถึงการกระตุ้น growth factor gene ต่างๆ ที่ส่งผลในการช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผม

ดังนั้นหากถามว่า ใช้ทั้งยา finasteride และยา minoxidil อยู่จำเป็นต้องหยุดยา เมื่อใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ Hair Rise Hair Tonic หรือไม่

เนื่องจากว่า Hair Rise Hair Tonic ออกฤทธิ์กลไกเดียวกับ ยา finasteride และยา minoxidil หากทน ผลข้างเคียงของยาทั้งสองตัวได้และไม่สบายใจที่จะต้องหยุดใช้ยา ก็สามารถใช้ร่วมกันระหว่างยาดังกล่าวและผลิตภัณฑ์ Hair Rise Hair Tonic ได้ แต่ถ้าไม่อยากทนผลข้างเคียงของยา ก็สามารถใช้ Hair Rise Hair Tonic เพียงตัวเดียวได้

Video วิธีการใช้งาน Hair Rise

Play Video